วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สัปดาห์ที่3




วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (child center)






วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (child center)

1.วิธีการสอนแบบแก้ปัญหา ( Problem-Solving Method) วิธีนี้ จอห์น ดิวอี้ เป็นผู้คิดค้น เป็นการสอนให้นักเรียนแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้ชี้แนะ การแก้ปัญหาใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ คือ
-กำหนดขอบเขตของปัญหา (Location of Problem)
-ตั้งสมมติฐาน (Setting up of Hypothesis)
-ทดลองและรวบรวมข้อมูล (Experimenting and Gathering of Data)
-วิเคราะห์ข้อมูล (Analysis of Data)
-สรุป (Conclusion)

2. วิธีการสอนแบบแสดงบทบาท (Role  Playing) เป็นการสอนที่กำหนดให้ผู้เรียน แสดงบทบาทตามสมมติ เพื่อให้ผู้ดูเกิดความรู้ ความเข้าใจและความสนใจ เป็นการฝึกความกล้าแสดงออก เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ของเด็ก การแสดงบทบาทสมมติจะไม่มีเกณฑ์และการแข่งขัน
3.วิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) โดยนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้นักเรียนค้นพบปัญหาและวิธีการแก้ไข ด้วยกระบวนการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ 5 ขั้น วิธีนี้เหมาะสำหรับ การศึกษา ค้นคว้า ทดลองแบบง่ายๆ
4. วิธีสอนตามขั้นที่ 4 ของอริยสัจ (Buddist’s Method) เป็นการสอนคล้ายกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ทุกข์ = การกำหนดปัญหา
สมุทัย = การตั้งสมมติฐาน
นิโรธ = การทดลองและเก็บข้อมูล
มรรค = การวิเคราะห์ข้อมูลการสรุป
5. วิธีการสอนแบบทดลอง (The Laboratory Method) ลักษะคล้ายกับการสอนแบบวิทยาศาสตร์ แต่มีการปรับปรุงบางส่วนเพื่อให้เหมาะกับวิชาอื่น เป็นการสอนแบบแสดงข้อเท็จจริง จากการสืบสวน ค้นคว้าและทดลอง โดยให้นักเรียนลงมือปฏิบัติเอง
6. วิธีการสอนแบบอภิปราย (Discussion) เป็นการสอนแบบแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน ระหว่างครูกับนักเรียนหรือนักเรียนกับนักเรียน โดยมีครูเป็นผู้ประสานงาน เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนฝึกพูด และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันแบบประชาธิปไตย
7. วิธีการสอนแบบจุลภาค (Micro-Teachingเป็นนวัตกรรมการศึกษา เป็นการสอนกับนักเรียน 5-6 คน ใช้เวลา 5-15 นาที เป็นการฝึกทักษะการสอนใหม่ๆ ก่อนนำไปใช้จริงในชั้นเรียน เป็นการสอนแบบย่นย่อทั้งเวลา ขนาดของชิ้นงานและทักษะ
8. วิธีการสอนแบบโครงการ (Project Method) เป็นการสอนที่ให้นักเรียนเป็นหมู่หรือรายบุคคลได้วางโครงการและดำเนินงานให้สำเร็จ เป็นการสอนให้สอดคล้องกับชีวิตจริงของนักเรียน เริ่มด้วยการตั้งปัญหา และดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการลงมือปฏิบัติจริง
9. วิธีการสอนแบบหน่วย (Unit Teaching Method) เป็นการสอนที่นำเนื้อหาหลายวิชามาสัมพันธ์กัน โดยไม่กำหนดขอบเขตของวิชา แต่ถือเอาความมุ่งหมายของหน่วยเป็นหลัก
10. วิธีการสอนแบบศูนย์การเรียน (Learning Center) เป็นการเรียนรู้จากการประกอบกิจกรรมของนักเรียน โดยแบ่งบทเรียนออกเป็น 4-6 กลุ่ม แต่ละศูนย์ประกอบกิจกรรมต่างกันตามที่กำหนดไว้ในชุดการสอน แต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันประกอบกิจกรรมตามศูนย์ต่างๆ แห่งละ 15-20 นาที จนครบทุกศูนย์
11. วิธีการสอนโดยใช้บทเรียนแบบโปรแกรม (  Programed Instruction) เป็นสื่อการเรียนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นหลายๆกรอบ แต่ละกรอบจะมีเนื้อหาเฉพาะแบบฝึกให้ทำพร้อมเฉลย
12. บทเรียนโมดูล (Module) เป็นบทเรียนหน่วยหนึ่งที่สร้างขึ้นมา เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาตามจุดประสงค์ของบทเรียน องค์ประกอบของบทเรียนโมดูล ได้แก่
1.หลักการและเหตุผล (Prospectus)
2.จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives)
3.การประเมินผลก่อนเรียน (Pre-Assessment)
4.กิจกรรมการเรียน (Enabling Activities)
5.การประเมินผลหลังเรียน (Post-Assessment)
13. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) สื่อการสอนที่เป็นเทคโนโลยีระดับสูง ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน หลักการของระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทุกแนวคิด เป็นสื่อสนับสนุนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพโดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ผู้เรียนร่วมกิจกรรมอย่างกระตือรือร้นและรู้ผลทันที
14. การสอนซ่อมเสริม เป็นการจัดการเรียนรู้เพิ่มแก่นักเรียนที่มีระดับสติปัญญาต่ำ เรียนไม่ทันเพื่อน หรือจัดการเรียนเพิ่มแก่นักเรียนที่เก่ง เพื่อให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้น
15. หมวกแห่งความคิด (The Six Thinking Hats) เป็นแนวคิดของ Edward de Bon หมวกแห่งความคิดมี 6 ใบดังนี้
1.หมวกสีขาว เป็นตัวแทนข้อเท็จจริง ข้อมูล ตัวเลข
2.หมวกสีแดง แทนอารมณ์ความรู้สึก และการหยั่งรู้
3.หมวกสีดำ แทนความคิดทางลบในทางที่ไม่ดี ไม่ได้ผล จุดด้อย ข้อผิดพลาด
4.หมวกสีเหลือง แทนสิ่งที่ถูกต้อง ความคิดเชิงบวก สนับสนุนให้กำลังใจ
5.หมวกสีเขียว แทนการเจริญเติบโต คุณค่าของความคิด ความคิดสร้างสรรค์
6.หมวกสีน้ำเงิน แทนการควบคุม เป็นความคิดสรุป ควบคุมบทบาทของสมาชิกของกลุ่ม
16. การสอนแบบ 4 MAT มี 4 ขั้น คือ
ขั้นที่1 Why ตั้งคำถามกระตุ้นให้เด็กสนใจในเรื่องที่เรียน
ขั้นที่2 What เป็นการอธิบายความเข้าใจการจัดการศึกษาด้วยตนเอง
ขั้นที่3 How เป็นการนำไปปฏิบัติ
ขั้นที่4 If เป็นการกระตุ้น
17. วิธีการสอนแบบ Storyline เป็นการสอนแบบบูรณาการ โดยการดึงเอาแนวคิดจากวิชาต่างๆ ใช้กระบวนการหลากหลายมาแก้ปัญหาและกิจกรรมหลายๆรูปแบบ โดยให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง และตอบสนองความแตกต่างของผู้เรียน โดยคำนึงว่าผู้เรียนมีประสบการณ์และทักษะเดิม
18. แผนการสอนแบบ CIPPA เป็นแผนการสอนที่ใช้กิจกรรม เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มี 5 ด้าน ได้แก่
1.Construct หรือการสร้างความรู้ตามแนวคิดของ Constructivism ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
2.Interaction หรือการปฏิสัมพันธ์ ผู้เรียนมีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน สื่อ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว
3.Physical Participation หรือการมีส่วนร่วมทางกาย ผู้เรียนมีโอกาสเคลื่อนไหวร่างกายในการทำกิจกรรมลักษณะต่างๆ
4.Process Learning หรือการเรียนรู้กระบวนการต่างๆ เป็นทักษะจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
5.Application หรือการนำคาวามรู้ไปประยุกต์ใช้ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ

อ้างอิง
พิจิตรา ธงพานิช. วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน. นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, 2560.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น